“กลุ่มประกายไฟ” (Iskra Group)

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นักกิจกรรมประณามผู้นำลิเบีย-อาหรับ หน้ายูเอ็น เหตุปราบปรามประชาชน

นักกิจกรรมในไทยประท้วงผู้นำลิเบีย-ชาติอาหรับ หน้ายูเอ็น เรียกร้องยูเอ็น เข้าแทรกแซง เพื่อยุติการสังหารประชาชน



วานนี้ (24 ก.พ.54) เวลา 17.00 ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) ถนนราชดำเนินนอก กลุ่มนักกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มไม่เอาสงครามและกลุ่มประกายไฟ ประมาณ 10 คน รวมตัวกันเพื่อประณามการปราบปรามผู้ประท้วงรัฐบาลของประเทศลิเบียและประเทศในกลุ่มอาหรับอื่นๆ โดยมีข้อเรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยร่วมกันประณามเหล่าทรราช ที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องความเป็นธรรม และสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง เรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันประณามการกระทำของรัฐบาลทรราชเหล่านี้ และให้องค์การสหประชาชาติต้องเข้าแทรกแซงและยุติการสังหารหมู่ประชาชนผู้รักความยุติธรรมในทันที

 

โดยมีกิจกรรมแสดงออกถึงการประณาม เช่น การปราศรัยประณาม การอ่านแถลงการณ์ ชูป้ายประท้วง การร่วมร้องเพลง Blowin' in the wind และการเผารูปเหมือนผู้นำลิเบีย (นายมูฮัมหมัด กัดดาฟี่) เป็นต้น โดยทางกลุ่มดังกล่าวแจ้งว่าครั้งต่อไปอาจจะมีการไปแสดงออกในลักษณะดังกล่าวตามสถานทูตประเทศที่กำลังปราบปรามประชาชนซึ่งจะมีการจ้างกิจกรรมผ่านทางเฟซบุ๊ก ในเพจ “กลุ่มไม่เอาสงคราม ต้องการสันติภาพ" ต่อไป หลังจากนั้นเวลา 18.00 น. กลุ่มดังกล่าวจึงได้แยกย้ายกันกลับออกไป

แถลงการณ์  

เราขอประณามการเข่นฆ่าประชาชนของบรรดาทรราช
เราไม่ต้องการให้เพื่อนมนุษย์ต้องเจ็บปวดจากจากพวกบ้าอำนาจเหมือนที่พวกเราประสบอยู่

เนื่องจากประชาชนผู้ถูกกดขี่ในระบอบการปกครองที่มีลักษณะเผด็จการ ในภูมิภาคตะวันออกกลางหรืออาหรับที่เริ่มจากตูนีเซีย และอียิปต์ และได้แผ่ขยายไปหลายประเทศรอบข้าง จนกลายเป็นการลุกฮือประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช

แต่ในบางประเทศสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง เมื่อฝ่ายผู้กุมอำนาจหรือรัฐบาลเลือกที่จะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามและจัดการกับผู้ประท้วง เช่น ในลิเบียมีการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างหนักจนกระทั่งมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ซึ่งบางแหล่งข่าวเสียชีวิตเป็นพันคนแล้วและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก นอกจากนั้นประเทศในแถบตะวันออกกลางอื่นๆ เช่น บาห์เรน เยเมน อิหร่าน โมร็อกโค คูเวตและแอลจีเลีย เป็นต้น ก็มีทีท่าว่าจะใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนของตนขั้นเด็ดขาดตามแบบลิเบียด้วยเช่นกัน
ที่น่าเป็นห่วงว่าเหตุการณ์อาจจะขยายไปสู่การสังหารหมู่ประชาชน เมื่อนายมูฮัมหมัด กัดดาฟี ผู้นำลิเบียยังออกมาปลุกระดมให้เกิดการเข่นฆ่าผู้ประท้วงด้วยการสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนด้วยกันว่าให้ "จับตายหนู(ผู้ประท้วง)พวกนั้นให้หมด" และยังเรียกร้องฝ่ายสนับสนุนให้ "ออกมาจากบ้านและถล่มพวกมันไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหนก็ตาม" ด้วยข้อหาว่าผู้ประท้วงเขาเป็น "คนทรยศ" พยายามทำให้ลิเบียกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความโกลาหล และสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ชาวลิเบียทั่วไป
สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างจากที่พวกเราประชาชนผู้บริสุทธิ์ในประเทศไทยได้ประสบจากการปราบปรามอย่างรุนแรงและนำไปสู่การสังหารหมู่ของรัฐบาลทรราชไทยเมื่อปีที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพและบาดเจ็บเกือบสองพันคน รวมถึงการไล่ล่าและจับกุมโดยละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง
ดังนั้นเราจึงไม่ต้องการให้เพื่อนมนุษย์ต้องแบกรับชะตากรรมและความเจ็บปวดเหมือนที่ประชาชนชาวไทยได้ประสบมาอีก การใช้ความรุนแรงจัดการกับผู้เห็นต่างถือเป็นการกระทำที่ต้องประณามอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เราจึงขอเรียกร้องให้
1. ประชาชนชาวไทยต้องร่วมกันประณามเหล่าทรราช ที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องความเป็นธรรม และสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชนด้วยกันเอง
2. ประชาคมโลกต้องร่วมกันประณามการกระทำของรัฐบาลทรราชเหล่านี้
3. องค์การสหประชาชาติต้องเข้าแทรกแซงและยุติการสังหารหมู่ประชาชนผู้รักความยุติธรรมในทันที
ประชาชนจงเจริญ! ทรราชทั่วโลกจงพินาศ!
เราประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรม เกลียดชังทรราช
 เผยแพร่ครั้งแรกใน ประชาไท Fri, 2011-02-25 01:39  http://prachatai3.info/journal/2011/02/33287