“กลุ่มประกายไฟ” (Iskra Group)

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สนั่น-สนธิ เจอนักศึกษาแต่งผีประท้วง “จะปรองดอง ถามผีรึยัง?”



สนั่น-สนธิ พูดเรื่องปรองดอง-นิรโทษกรรม ที่ ม.รามฯ เจอนักศึกษาแต่งหน้าผีประท้วง ขี้ไร้ความชอบธรรมจะมาปฏิรูปหรือเรียกร้องการนิรโทษกรรม จวกจะปรองดองแต่ยังไม่สามารถหาคนผิดกรณี 91 ศพ มาลงโทษได้ ถือเป็นเรื่องน่าละอายใจ



วานนี้ (11 ตุลาคม 53) เวลา 12.30 น.คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับองค์การนักศึกษารามคำแหง ซึ่งบริหารงานโดย พรรคตะวันใหม่ จัดอภิปรายเรื่อง “แผนปรองดองหรือการนิรโทษกรรมความเหมือนที่แตกต่างในการแก้ไขปัญหาการเมืองไทย” ณ ห้องประชุมศิลปาชีพ ชั้น 4 อาคารคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก โดยวิทยากร ได้แก่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และนายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคเพื่อไทย
งานอภิปรายเริ่มต้นด้วยการกล่าวรายงานการจัดการอภิปราย โดยนายตนัย หนูชู นายกองค์การนักศึกษาฯ จากนั้น รศ.คิม ไชยแสนสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการอภิปรายและกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ และเมื่อเวลา 13.30 น. การอภิปรายจึงเริ่มขึ้นโดย นายพัชระ สารพิมพา ผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดให้ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ เริ่มการอภิปรายเป็นท่านแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เริ่มการอภิปรายได้มีนักศึกษาจากกลุ่มรามประกายไฟ ราว 5 คนได้แต่งหน้าเป็นคนตาย และแต่ละคนได้มีแผ่นข้อความติดไว้ที่หน้าอก เช่น “เสียดายคนตายไม่ได้ปรองดอง” “ผมเป็นทหารอาชีพนะครับ ไม่เล่นการเมือง” “ปรองดอง…ปองร้าย” “จะปรองดอง ถามผีรึยัง?” เข้ามาประท้วงในห้องที่ติดกับห้องเสวนาซึ่งเตรียมไว้ให้ผู้ที่เข้าร่วมเสวนาได้นั่งฟัง ซึ่งห้องดังกล่าวมีทางเดินเชื่อมต่อกับห้องเสวนา และมีหน้าต่างกระจกสามารถมองทะลุถึงกันได้ ทำให้ฝ่ายผู้จัดงานต้องรีบกันตัวกลุ่มนักศึกษาออกไปจากห้องประชุม แล้วปิดม่านที่กั้นระหว่างสองห้องทันที




ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างที่มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่และกลุ่มนักศึกษาจากองค์การนักศึกษาฯ ได้เข้ามาพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ขอให้กลุ่มนักศึกษาที่ออกมาทำกิจกรรมเห็นแก่ชื่อเสียงคณะ และมหาวิทยาลัย ขณะที่ผู้เข้าร่วมการอภิปรายบางส่วนปรบมือให้กับกลุ่มนักศึกษา และเมื่อสื่อมวลชนบางส่วนที่เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายภาพบันทึกไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งต้องรูดม่านปิดหน้าต่าง เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพ

อย่างไรก็ตาม หลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้ออกไปจากงานอภิปราย ทางกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรมก็ปฏิบัติตาม โดยระหว่างเดินออกจากห้องกลุ่มนักศึกษาได้มีการแจกจดหมายเปิดผนึกให้กับสื่อมวลชนบางส่วน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยกลุ่มองค์การนักศึกษาบางคนที่เดินตาม
ออกไปด้วย

“เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเครื่องยืนยันว่าการปรองดองหรือการปฏิรูปนั้นไม่ใช่ทางออกของสังคมไทยและไม่ได้เปิดโอกาสให้กับคนที่คิดต่าง รวมทั้งมีการกีดกันการแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งที่ในอดีตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการตื่นตัวทางการเมืองของนักศึกษาสูง” ตัวแทนนักศึกษากล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวของกลุ่มนักศึกษามีใจความดังนี้

จดหมายเปิดผนึกถึง สนธิ บุญรัตกลิน และสนั่น ขจรประศาสน์
ในขณะที่ปัจจุบันเกิดกระแสการปรองดอง และการนิรโทษกรรมขึ้นมา แต่ก็ยังไม่สามารถหาผู้กระทำความผิดกรณีคนตาย 91 ศพ มาลงโทษหรือแสดงความรับผิดชอบได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าละอายใจเป็นอย่างมากต่อผู้ที่ออกมานำกระแสการปฏิรูปหรือปรองดองหรือนิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมหรือการปรองดองจะเกิดขึ้นหลังจากที่ประชาชนรับรู้ความจริงและรัฐบาลผู้ก่อการเข่นฆ่าประชาชนลาออกหรือยุบสภาเพื่อรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว และประชาชนควรจะเป็นผู้ดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมด้วยตัวของประชาชนเอง ไม่ใช่นักการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ นักการเมืองที่เคยกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชนดังเช่นปัจจุบัน
นี้
ดังนั้น ทั้งสนธิ บุญยรัตกลิน และ สนั่น ขจรประศาสน์ จึงไม่มีความเหมาะสมหรือมีความชอบธรรมในการเข้ามาทำการปฏิรูปหรือเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรม
กลุ่มรามประกายไฟ

ที่มา : ประชาไท http://www.prachatai3.info/journal/2010/10/31456

- Voice TV รายงาน "

นศ.แต่งหน้าผีร่วมอภิปรายแผนปรองดอง



- กรุงเทพธุรกิจรายงาน

นศ.รามประท้วงเวทีสัมมนา

ดู http://bit.ly/bmAMRP


ไทยรัฐออนไลน์ รายงาน บิ๊กบังแนะสนั่น บินถกแม้ว เวทีปรองดองราม



บิ๊กบังแนะสนั่น บินถกแม้ว เวทีปรองดองราม

เวทีปรองดอง มหาวิทยาลัยรามคำแหงเข้มข้น นักศึกษาพอกหน้าประท้วงหน้าห้อง ด้าน 'พล.อ.สนธิ' แนะ 'เสธ.หนั่น' บินคุย 'ทักษิณ' เจ้าตัว เผย ต้องคุยในประเทศให้หมดก่อนไป...

เมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 11 ต.ค. คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดอภิปรายหัวข้อ"แผนปรองดองหรือการนิรโทษกรรมความเหมือนที่แตกต่างในการแก้ไขปัญหาการเมืองไทย" โดยมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และนายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคเพื่อไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่เริ่มรายงานได้มีนักศึกษากลุ่มรามประกายไฟ จำนวน 4 คนพอกหน้าขาวเข้ามาประท้วงในห้องที่ติดกับห้องเสวนาซึ่งเตรียมไว้ให้ผู้ที่เข้าร่วมเสวนาได้นั่งฟัง ทำให้ฝ่ายผู้จัดงานต้องรีบกันตัวออกไปทันที แล้วปิดม่านที่กั้นระหว่างสองห้องทันที โดยนักศึกษากลุ่มดังกล่าวคัดค้าน พล.อ.สนธิและพล.ต.สนั่นว่า ไม่มีความเหมาะสมและชอบธรรมในการเข้ามาทำเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่าขณะที่เกิดกระแสปรองดองและการนิรโทษกรรมขึ้นมาแต่กลับไม่สามารถหาผู้กระทำผิดกรณีคนตาย 91 ศพ มาลงโทษหรือแสดงความรับผิดชอบได้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งน่าละอายใจเป็นอย่างมากต่อผู้ที่ออกมานำกระแสการปรองดองหรือนิรโทษกรรมเพราะการนิรโทษกรรมหรือปรองดองควรจะเกิดหลังจากที่ประชาชนรับรู้ความจริงและรัฐบาลลาออกหรือยุบสภาเพื่อรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว และประชาชนควรจะเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วยตัวของประชาชนเองไม่ใช่จากนักการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือนักการเมืองที่เคยกระทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน

พล.ต.สนั่น กล่าวในตอนหนึ่งว่า คิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งได้คำตอบว่าทุกคนในประเทศต้องลืมอดีตให้ได้ ต้องก้าวข้ามความเจ็บปวด ความเคียดแค้นพยาบาทให้ได้ ตนถือว่าได้จุดเทียนให้กับสังคมแล้วหนึ่งเล่ม หากคนไทยทุกคนช่วยกันอีกแรงประเทศก็จะสว่างและมีทางออกได้ หากไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ระเบิดทั้งหลายคงจะมีขึ้นไม่หยุดวันนี้สามารถผลักดันแนวทางนี้เดินไปได้มากแล้วขอร้องอย่างเดียวผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าตั้งเงื่อนไข อย่าพูดกันด้วยเหตุผลเพราะไม่มีวันจบ แต่ต้องพูดจากใจจริงว่าต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้นหรือไม่ หากมาจากความจริงใจเชื่อว่าสามารถทำได้สำเร็จแน่ยืนยันอีกครั้งว่าคนที่ชื่อสนั่น ไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าสร้างความปรองดองสำเร็จจะมีความยิ่งใหญ่กว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหลายเท่า หากไม่ก้าวข้ามอดีตคงเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ยังต้องเคียดแค้นกันอยู่อย่างนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงช่วงนี้ นายพัชระ สารพิมพา ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรได้ถามว่าสรุปแล้ว พล.ต.สนั่น รู้หรือไม่ว่าคู่กรณีคือใคร ด้านพล.ต.สนั่น ตอบว่า ตนทราบว่าเกิดจากแนวคิดไม่ตรงกัน อาทิ ทั้ง นปช.และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งต้นเหตุเกิดจากนักการเมือง จึงทำให้ตนต้องเดินสายพบทุกฝ่าย ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวจริงทั้งนั้นหากไม่สามารถทำให้ทุกกลุ่มหันมาพูดจากันได้ก็อย่าหวังว่าประเทศไทยจะเจริญก้าวหน้าได้ เราไม่สามารถเรียกคืนชีวิตของประชาชนทั้ง 91 ศพ คืนมาได้ แต่ผู้สูญเสียต้องได้รับการชดเชย และตนเคยบอกไว้แล้วว่าสุดท้ายตนต้องเดินทางไปพบใคร


ด้าน นายพัชระ ยังถามอีกว่าเหมือน พล.ต.สนั่น หักหน้ารัฐบาลที่ไม่ยอมดำเนินการใดๆในเรื่องนี้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนไม่ได้แย่งงานใครทำ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับเป็นสิ่งที่ต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ

นายพัชระ ถามอีกว่า ได้พูดตัวจริงของเสื้อเหลืองหรือยัง พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตนได้พูดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุลแล้ว พิธีกรจึงถามอีกว่านายสนธิเป็นตัวจริงของเสื้อเหลืองจริงหรือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถึงช่วงนี้ทำให้ผู้ฟังในห้องเสวนาปรบมือด้วยความชอบใจ พิธีกรจึงถามว่ามั่นใจหรือว่าคุยกับผู้ที่สนับสนุนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงตัวจริงได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องคุยทั้งกลุ่มเสื้อแดงที่อยู่ในประเทศและเสื้อแดงที่อยู่นอกประเทศด้วย จึงต้องให้ความสำคัญกับทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ทันทีที่คนที่อยู่ในประเทศคุยกันรู้เรื่องแล้ว สุดท้ายตนก็จะบินไปพบบุคคลผู้นั้นทันที

ด้าน พล.อ.สนธิกล่าวว่า ความขัดแย้งวันนี้ถ้าเปรียบเป็นการชกมวยก็จะประกอบด้วยนักมวยสองฝั่ง กรรมการพี่เลี้ยงให้น้ำอยู่ข้างเวทีและคนดูรอบเวที ซึ่งหมายถึงประชาชนปัญหาไม่ได้อยู่ที่นักมวย แต่อยู่ที่กรรมการหรือรัฐบาลและโปรโมเตอร์หรือคนให้น้ำเวลานี้สิ่งสำคัญ คือ พล.ต.สนั่น ต้องเดินไปคุยกับโปรโมเตอร์มวยของทั้งสองฝ่ายอาจเสียค่าเครื่องบิน ซึ่งจะทำให้เร็วและสั้นและได้ผลมากที่สุด ที่สำคัญรัฐบาลจะไปอยู่บนเวทีมวยไม่ได้ แต่ต้องเป็นกรรมการที่ยุติธรรมต้องวางตัวเป็นกลางและเป็นธรรม ไม่ใช่จับมือฝ่ายหนึ่งแต่ปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งชกได้ ทั้งนี้รัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ต้องแยกกัน เวลานี้รัฐบาลจะมาโจมตีพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ทั้งหมดคือความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าถึงช่วงนี้นายพัชระ ถามว่าเคยคุยกับคนให้น้ำของเสื้อแดงด้วยหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนเคยได้คุย 2 รอบหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ครั้งแรก ท่านเรียกตนว่าท่านผบ.ทบ ผมเป็นนักกีฬานะ เมื่อท่านพูดอย่างนั้นแสดงว่าท่านรู้ว่านี่คือกีฬา มีแพ้มีชนะ แต่ครั้งที่สองเราคุยกันแต่เราถามทุกข์สุขกันว่าเป็นอย่างไร ถามเรื่องการตีกอล์ฟ ตนเคยได้จากท่านมา 7 หมื่นกว่าบาท ยังใส่ซองอยู่ หวังว่าวันหน้า พล.ต.สนั่น จะทำให้มีโอกาสได้ตีกอล์ฟกับพ.ต.ท.ทักษิณอีกเพราะ การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร

ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ความปรองดองในเวอร์ชั่นที่พรรคเพื่อไทย ต้องการนั้นรัฐบาลต้องทำ 2 ข้อ คือต้องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่จริงใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้รักประชาธิปไตย คนตายต้องไม่ตายฟรี รัฐบาลต้องทำโดยไม่ต้องสนใจว่าใครผิดใครถูก เพราะจะให้ลดแรงกดดันที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และรัฐบาลต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค และ ว่าความหวังของตนคือทำให้ทุกคนในชาติบ้านเมืองมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้ การพัฒนาของประเทศไทยด้อยกว่าเพื่อนบ้านหลายประเทศเราทัดเทียมได้แค่ลาวกับกัมพูชา วันนี้เรากำลังเป็นประเทศโกงกินมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นถ้าถามว่าการปฏิวัติจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ถ้ายังมีการคอร์รัปชั่นกว้างขวางการปฏิวัติจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้เกิดจากทหาร แต่ประชาชนจะเป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของการเสวนา ตัวแทนของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท. ) แสดงความเห็นว่าสนนท.ไม่เชื่อถือแนวคิดความปรองดองแบบมึนๆ หรือความยุติธรรมสีเทา ทั้งที่ ยังขาดความยุติธรรม ปฏิบัติต่อคนไม่เท่าเทียมกันขาดความชัดเจนในการดำเนินคดีและรัฐบาลยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าใครเป็นผู้ทำให้ประชาชนทั้ง 91 ศพ และมองไม่เห็นว่าจะปรองดองกันอย่างไร เมื่อคู่กรณีเข้ามาร่วมอยู่ในจะปรองดองได้อย่างไรในเมื่อความยุติธรรมยังไม่เท่ากัน ขณะที่การรัฐประหารไม่สามารถแก้ปัญหาเก่าได้แต่กลับยิ่งสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก การจะมาขอโทษอย่างเดียวถือว่าไม่เพียงพอ ยอมรับหรือไม่ว่าท่านเป็นกบฏต่อประชาชน เป็นกบฏต่อประชาธิปไตยและจะทำอะไรได้มากกว่าการขอโทษ

พล.อ.สนธิ ตอบคำถามสนนท. ว่า ดีใจที่นักศึกษาถาม เพราะประวัติศาสตร์การเมืองนักการเมืองไม่ได้กลัวทหาร แต่กลัวนิสิตนักศึกษา แต่เรื่องการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 นั้นตนไม่เคยขอโทษ เพราะสิ่งที่ทำนั้นมีประชาชนออกมาแสดงความยินดีเพราะเป็นการปลดภาระความอึดอัดของประชาชน


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/pol/118052